ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ทำงานเปรียบเหมือนบ้านหลังที่สองของใครหลายคน เราใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันในที่ทำงาน อยู่กับเพื่อนร่วมงาน ดังนั้น เชื่อว่าทุกคนก็อยากให้ "บ้าน" หลังนี้มีบรรยากาศที่ดี มีแต่พลังบวกใช่ไหมครับ แต่ในความเป็นจริง ทุกคนก็คือมนุษย์ มีอารมณ์ความรู้สึก จะให้ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาก็คงเป็นไปได้ยาก ยิ่งในพื้นที่การทำงานที่มีผู้คนนิสัยหลากหลาย มีความคิดไม่เหมือนกันเป็นปกติอยู่แล้ว ก็ไม่แปลกที่จะสามารถสัมผัส "พลังงานบางอย่าง" ที่เป็นลบได้ในหลายครั้ง
"พลังบวก" ในที่ทำงานเป็นอย่างไร? แล้วเราจะเริ่มสร้างพลังบวกให้ตัวเองก่อนส่งต่อให้ที่ทำงานได้อย่างไรบ้าง? มาดูกันเลยครับ
พลังบวก เป็นอย่างไร?
การคิดบวก ส่งพลังบวก ไม่ได้แปลว่าให้หลีกเลี่ยงทุกสิ่งที่แย่ๆ ร้ายๆ โดยทำเป็นมองไม่เห็นนะครับ และก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องฉีกยิ้ม ทำหน้าระรื่นอยู่ตลอดเวลาด้วย เพราะอาจจะถูกมองว่าเสแสร้ง ไม่จริงใจได้ครับ นอกจากนี้ การพยายามหลีกเลี่ยงหรือมองข้ามสิ่งร้ายๆ อาจจะทำให้ปัญหาบางอย่างไม่ได้รับการแก้ไขและบานปลายได้ในอนาคต
พลังบวกในที่ทำงาน คือการมองโลกในแง่ดีบนฐานของความเป็นจริงครับ นั่นคือ รับรู้และเข้าใจว่ามีปัญหา พร้อมหาทางแก้ไข และยังสามารถมองหาแง่ดีที่อาจจะแฝงอยู่ได้ด้วย พูดง่ายๆ คือมี "Can-do attitude" ครับ ไม่หลีกเลี่ยงซุกปัญหาไว้ใต้พรม แต่มองว่าทุกปัญหามีทางคลี่คลายได้เสมอ พร้อมส่งพลังให้คนรอบข้างให้ร่วมแก้ปัญหาต่างๆ ไปด้วยกัน
ทีนี้มาดูวิธีง่ายๆ สร้างพลังบวกให้ตัวเองและคนรอบข้างกันครับ
1) รักษาสุขภาพร่างกาย
สุภาษิตโบราณว่าไว้ "A sound mind is in a sound body” จิตใจที่ดีย่อมมาจากร่างกายที่สมบูรณ์ จริงไหมครับ พยายามหาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ บางคนอาจจะใช้วิธีนั่งสมาธิหรือฝึก meditation ในหลายๆ รูปแบบ ก็ถือว่าช่วยผ่อนคลายจิตใจได้ดีเลยครับ ที่สำคัญ พยายามหาเรื่องให้ตัวเองได้ยิ้มและหัวเราะบ้างในแต่ละวันนะครับ เพราะอย่าลืมว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้น ส่งต่อและกระจายในวงกว้างได้ง่ายและได้ผลดีมากครับ
2) พักเบรค ชาร์จแบต
คนเราต่อให้ไฟแรงแค่ไหน แต่ก็แบตหมดได้ทั้งนั้นครับ จึงต้องมีการเติมพลังกันบ้าง เพราะถ้าไฟแรงอย่างเดียวแล้วปล่อยไปเรื่อยๆ จนหมดไฟ จะให้ส่งพลังบวกแก่คนรอบข้างก็คงยาก จริงไหมครับ ดังนั้น ในช่วงระหว่างวันคุณอาจจะหาเวลาออกมาเดินเล่น ผ่อนคลาย หรือถ้าเป็นนอกพื้นที่ทำงาน ก็คือการสร้างสมดุล "work-life balance" นั่นเอง ไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นในวันหยุดบ้าง เติมพลังให้ตัวเองกลับมาทำงานได้อย่างสดชื่นเต็มที่ครับ
3) ให้รางวัลกับตัวเอง
เชื่อไหมครับ ว่าไม่ต้องถึงกับจัดปาร์ตี้ เฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ แค่การสังสรรค์เล็กๆ ในโอกาสต่างๆ หรือหลังเลิกงาน ก็ช่วยให้คุณเติมพลังบวกให้ตัวเองได้ครับ หรือในส่วนของหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน เวลาที่ใครทำงานอะไรได้สำเร็จทะลุเป้า ก็ควรกล่าวขอบคุณคนนั้นพร้อมให้พนักงานคนอื่นได้ร่วมยินดี เป็นอีกหนึ่งวิธีให้รางวัลที่ไม่ต้องจ่ายอะไรมาก แต่สร้างพลังบวก และให้ผลตอบแทนทางใจที่แสนจะคุ้มค่าครับ
4) ผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงาน
ผูกมิตรไว้ ไม่เสียหลาย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าอยู่ท่ามกลางคนที่ "เป็นมิตร" ก็จะเกิดความรู้สึกอุ่นใจ พร้อมเผชิญอุปสรรคต่างๆ จริงไหมครับ ดังนั้น ลองพยายามผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงาน ผ่านสิ่งที่ชื่นชอบหรือความสนใจต่างๆ นอกพื้นที่ทำงานดู เชื่อว่าส่วนใหญ่แล้ว ถ้าหยิบยื่นมิตรภาพให้คนอื่นก่อน ก็จะได้มิตรภาพกลับคืนมาด้วยครับ
5) ประดับตกแต่งที่ทำงาน
ฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่น่าจะเกี่ยวกัน แต่เชื่อไหมครับว่าการประดับตกแต่งที่ทำงานหรือโต๊ะทำงานของคุณ ส่งผลต่ออารมณ์และบรรยากาศในที่ทำงานอย่างมาก ลองจินตนาการถึงออฟฟิศที่มีแต่กองเอกสาร หรือไม่ก็มีแต่โต๊ะทำงานที่ราบเรียบว่างเปล่า ให้ความรู้สึกเหงาๆ ชวนอึดอัดชอบกล กับออฟฟิศที่ประดับประดาตกแต่งในธีมต่างๆ ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านหรืออยู่ในเทศกาลความสนุก แบบไหนจะช่วยให้เกิดความรู้สึกรื่นเริง สร้างพลังบวกมากกว่ากัน จริงไหมครับ
6) รู้ทันความคิด ควบคุมอารมณ์
ความคิดและอารมณ์ น่าจะเป็นสิ่งที่ควบคุมยากที่สุดแล้วนะครับ แต่ถ้าฝึกฝนมากพอ ก็จะช่วยให้คุณมองสิ่งต่างๆ ในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น ถ้าคิดว่าวันนี้มีงานเยอะจัง คุณก็จะรู้สึกเหนื่อยอ่อนตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน แต่ถ้ามองว่านี่คือโอกาสให้ได้แสดงศักยภาพ คุณก็จะเริ่มสร้างพลังให้ลุยต่อ พร้อมหาวิธีจัดการปัญหาให้คลี่คลายไปด้วยครับ
นอกจากนี้ ลองเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของตัวเองเวลาเจอเหตุการณ์ต่างๆ เช่น บางครั้งคุณอาจจะต้องเผชิญกับ "ลูกค้าที่น่ารัก" แต่ถ้าคุณรู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเอง ไม่ปล่อยให้พลังลบของอีกฝ่ายเข้ามากระทบจิตใจได้ ก็จะช่วยให้คุณดำเนินงานต่างๆ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ
7) ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง
การตั้งเป้าใหญ่เกินไป แม้ว่าจะช่วยทำให้คนทำงานฮึกเหิม มีพลัง แต่ในระยะยาวอาจจะทำให้ท้อแท้หรือหมดไฟได้นะครับ แต่ถ้าคุณแบ่งเป้าหมายออกเป็น "หมุดหมาย" หรือ milestone ย่อยๆ ทุกครั้งที่คุณทำงานสำเร็จและก้าวไปข้างหน้า คุณจะรู้สึกดี ว่าประสบความสำเร็จไปอีกขั้นครับ
นอกจากนี้ ให้เริ่มทำงานด้วยการโฟกัสที่จุดแข็งของคุณ แล้วจึงพัฒนาต่อยอดจาก "ของดี" ที่คุณมีอยู่ครับ เพราะถ้าคุณเริ่มต้นแก้ปัญหาต่างๆ จากจุดที่ตัวเองมั่นใจ แล้วค่อยๆ พัฒนาส่วนที่ยังขาดไปทีละน้อยๆ จะช่วยสร้างพลังบวกให้คุณเองในระยะยาว มากกว่าจะที่เริ่มแก้ปัญหาจากภาพรวมแบบสะเปะสะปะครับ
ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ HR และการพัฒนาองค์กรได้ที่
Blog: www.empeo.com/blog
Facebook: www.facebook.com/myempeo
Youtube: www.youtube.com/empeo