อิคิไก หรือ Ikigai คำๆนี้เริ่มมาเป็นที่รู้จักมากๆในแวดวงของคนทำงานในประเทศไทย แต่หากคุณยังนึกไม่ออกหรือแค่รู้สึกคุ้นว่าๆได้ยินที่ไหนมาก่อนล่ะก็ ลองนึกถึงภาพวงกลมสี่วงที่มีแต่ละส่วนซ้อนทับกัน และในแต่ละวงกลมเองนั้น ก็จะมีหัวข้อดังนี้คือ สิ่งที่รัก สิ่งที่ถนัด สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งที่ทำแล้วได้เงิน ซึ่งส่วนที่ซ้อนทับกันของทั้ง 4 วงนี่แหละคือ อิคิไก
ที่มาของ Ikigai อิคิไก
สำหรับอิคิไกนั้นหลายๆคนคงพอเดาที่มาได้ทันทีจากภาษาว่ามีต้นกำเนิดจากที่ใด คำนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า จุดประสงค์ของการมีชีวิตอยู่นั่นเอง เปรียบได้กับความหมายของการมีชีวิตอยู่ หรือคือความสุขที่เกิดจากการได้ใช้ชีวิตที่มีความหมาย ได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์นั่นเอง คนที่มีอิคิไกนั่น หากมีคนถามพวกเขาว่าคุณค่าชีวิตของพวกเขาคืออะไรนั้น แทบจะทั้งหมดจะตอบได้ทันที พวกเขาจะรู้ว่าในชีวิตแต่ละวันนั้นเขาใช้ชีวิตไปเพื่ออะไร ใช้ไปกับการทำสิ่งใด และนั่นก็ทำให้คนเหล่านี้มีพลังในแง่บวก พร้อมทำให้วันทุกวันเต็มไปด้วยความสุข
ฟังแล้วอาจจะยังงงๆอยู่บ้างซึ่งนั่นก็ไม่แปลกอะไร เพราะอิคิไกเองนั้นมีความเป็นปรัชญาค่อนข้างสูงมากๆเลยทีเดียว ดังนั้นแล้วเราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับวงกลมในแต่ละวงที่เราได้กล่าวมาข้างต้นและตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับการงานซึ่งน่าจะทำให้เข้าใจได้มากยิ่งขึ้น
1.What you love สิ่งที่คุณรัก
เริ่มด้วยวงกลมวงแรก ซึ่งก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก สิ่งนี้คือสิ่งที่เราทำแล้วรู้สึกว่ามีความสุข อยากจะทำ ทำให้การทำสิ่งนั้นสำหรับเราเป็นอะไรที่รู้สึก feel good มากๆไม่ได้รู้สึกว่าต้องฝืนในการทำ ซึ่งก่อนที่เราจะเริ่มทำงานอะไรสักงานนึง ควรที่จำคำนึงถึงสิ่งนี้เป็นสิ่งแรกเพราะจะช่วยให้เรานั้นสามารถเอนจอยกับการทำสิ่งนั้นได้อย่างเต็มที่
2.What you are good at สิ่งที่คุณทำได้ดี
สิ่งนี้หากเรียกง่ายๆก็คือทักษะของคุณนั่นเอง โดยมากมักเกิดจากประสบการณ์ ความรู้ต่างๆที่เราฝึกฝนและเรียนรู้มาอย่างเชี่ยวชาญ จนเกิดเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ดี เช่นความสามารถในการเจรจาต่อรอง สกิลการขาย การวิเคราะห์ตลาดต่างๆ การรู้ว่าคุณเก่งในด้านใดนั้นจะช่วยให้อาชีพการงานก้าวหน้าไปได้ไวมากๆ
3.What you can be paid for สิ่งที่คนอื่นยอมจ่ายเงินให้กับคุณ
อันนี้ก็ความหมายตรงตัวคือสิ่งที่คนยอมจ่ายเงินเพื่อให้คุณทำมันให้กับพวกเขา หรือพูดง่ายๆก็คือสิ่งที่สร้างรายรับให้กับเรานั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นงานประจำ งานนอกเวลา งาน freelance ต่างๆล้วนอยู่ในข้อนี้ทั้งนั้น การที่ผู้คนจำนวนมากยอมเสียเวลาเล่าเรียนก็เพื่อให้ได้มาซึ่งทักษะที่จะมีคนยอมจ่ายเงินให้นั่นเอง
4.What the world needs สิ่งที่โลกต้องการ
คือสิ่งที่ทำเราเป็นประโยชน์ต่อสังคม ผู้คนรอบข้าง งานที่เราทำอยู่นั้นสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้หรือไม่ สิ่งที่เราทำอยู่เป็นที่ต้องการรึเปล่า อาจจะเป็นสิ่งที่ทำแล้วได้เงินหรือไม่ได้เงินก็แล้วแต่ วิธีเริ่มง่ายๆในการหาสิ่งนี้ให้เจอคือการเปิดใจรับฟังว่ามีใครกำลังต้องการอะไรบ้าง
ดังนั้นแล้วอิคิไก Ikigai นั้นก็คือการรวมกันของ 4 สิ่งที่กล่าวมานั่นคือการที่เราได้ทำสิ่งที่รัก ทั้งยังเป็นสิ่งที่สังคมต้องการ ซึ่งเราทำได้ดี แถมยังมีคนจ่ายเงินเพื่อสิ่งนั้นอีกต่างหาก แค่ฟังทุกๆท่านก็คงพอเห็นภาพแล้วว่าการหาสิ่งนี้ให้เจอจะช่วยให้เรามีความสุขได้มากขนาดไหน
ทำไม HR ถึงช่วยให้คนมีความสุขในการทำงานได้
ต้องยอมรับกันตามตรงว่าสังคมการทำงานในปัจจุบันนั้นเคร่งเครียดมาก อีกทั้งในหลายต่อหลายครั้งเองนั้นเรายังต้องรับข้อมูลข่าวสารมากมาย จนก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าอาการหมดไฟในการทำงาน การที่ HR ใส่ใจในบางสิ่งบางอย่างให้มากขึ้น อาจช่วยให้พนักงานนั้นค้นพบอิคิไกในการทำงานได้ง่ายขึ้น
ให้อิสระในการทำงาน คนในปัจจุบันชอบความยืดหยุ่นในการทำงาน หากการทำงานนั้นทุกอย่างจะต้องเป๊ะๆ ไม่มีความยืดหยุ่นแล้วล่ะก็ คงไม่มีคนทำงานคนไหนที่จะรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่เค้ารัก ดังนั้นแล้ว HR เองก็สามารถเป็นส่วนช่วยผลักดันในเรื่องนี้ได้ นอกจากนั้นแล้วการให้อิสระยังหมายถึงความคิดสร้างสรรค์ที่มากขึ้นอีกด้วย
ให้พนักงานรู้จุดมุ่งหมาย หลายต่อหลายครั้งพนักงานเองนั้นรู้แต่ว่างานคือภาระหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงต้องทำสิ่งเหล่านั้น ฝ่ายบุคคลเองอาจจะเป็นส่วนช่วยให้พนักงานเข้าใจในมิชชั่นและสิ่งต่างๆที่องค์กรต้องทำก็จะช่วยให้พนักงานเข้าใจมากขึ้น
ส่งเสริมการเติบโตในบริษัท บอกให้พนักงานของคุณรู้ว่าพวกเขานั้นสามารถทำงานได้ดีเพียงใด มีการเติบโตและความก้าวหน้าที่รออยู่เป็นเช่นใด ความคาดหวังที่บริษัทมีเป็นเช่นใด ทักษะอะไรที่บริษัทต้องการ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสิ่งที่พนักงานทำได้ดี และเมื่อมีคนที่ทำได้ดีแล้วล่ะก็อย่าลืมส่งเสริมพวกเขาด้วยล่ะ
กำจัดจุดอ่อน คงไม่มีคนที่มีอิคิไกคนไหนที่ทำงานในองค์กรที่มีแต่สภาพแวดล้อมทำงานในแง่ลบ และสภาพแวดล้อมย่อมเกิดจากคนทำงาน HR ในฐานะที่เป็นหน้าด้านในการคัดสรรบุคลากรเข้ามาร่วมงานเองนั้น จึงมีส่วนสำคัญมากๆเลยในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี หากพบคนที่มีสัญญาณว่าจะเป็น toxic ในที่ทำงาน จงอย่าได้ให้คนเหล่านั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง
สรุป
แม้ว่าอิคิไกนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่พนักงานเองนั้นต้องรู้แรงผลักดันภายในของตนเอง จึงจะสามารถประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ได้ แต่ในฐานะฝ่ายบุคคลแล้วการทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงานเหมาะสมกับคนที่มี Ikigai เองนั้นก็สำคัญมากๆ หวังว่าคุณเองก็คงจะเห็นแล้วว่าอิคิไกในการทำงานนั้นไม่อาจจะเกิดจากตัวพนักงานได้เพียงฝ่ายเดียว หากคุณอยากส่งเสริมเรื่องนี้ในที่ทำงานแล้วนั้น การทำให้ที่ทำงานเป็นสถานที่แห่งความสุขก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ HR และการพัฒนาองค์กรได้ที่
Blog: www.empeo.com/blog
Facebook: www.facebook.com/myempeo
Youtube: www.youtube.com/empeo