การคำนวณเงินเดือนให้ถูกต้องและแม่นยำเป็นทักษะสำคัญของ HR ที่ต้องมีติดตัว เนื่องจากเรื่องค่าตอบแทนเกี่ยวข้องกับทุกคนในองค์กรและเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ ซึ่งวันนี้ เราจะมาแจกสูตรการคำนวณเงินเดือนในทุกแบบ ทั้งวิธีคิดเงินเดือนสำหรับพนักงานรายเดือน รายวัน พาร์ทไทม์ ชั่วโมง และวิธีคิดโอทีกัน
คำนวณเงินเดือน คืออะไร มีกี่แบบ
การคิดเงินเดือน นั้น ถือเป็นพื้นฐานของงาน HR ทุกที่และทุกบริษัท ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากที่บริษัทจะต้องคำนวณเงินเดือนให้ถูกต้อง แม่นยำ เพราะเรื่องนี้จะไปเกี่ยวพันกับทั้งงานบัญชีและภาษีด้วย โดยที่การคำนวณเงินเดือนนั้น จะแบ่งออกเป็น 3 แบบหลัก ๆ คือ
- คำนวณเงินเดือนเอง วิธีการนี้อาจจะเป็นการที่บริษัทคำนวณเงินเดือนกันเองง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนด้วยโปรแกรม Excel โดยใช้พนักงานคนหนึ่งเป็นคนทำ คอยนับชั่วโมงการทำงาน และคีย์ข้อมูลลงโปรแกรม ใส่สูตรและคำนวณเงินเดือนให้
- จ้างบริษัทรับทำเงินเดือน วิธีการนี้เป็นการที่บริษัทส่งข้อมูลให้ผู้ที่มีบริการรับจ้างทำเงินเดือนทำให้ ซึ่งผู้ให้บริการก็จะช่วยคำนวณและส่งเอกสารให้หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด บริษัทมีหน้าที่ส่งข้อมูลและจ่ายเงินเดือนตามแบบสรุปเท่านั้น
- โปรแกรมคำนวณเงินเดือน วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยการใช้โปรแกรมช่วยคำนวณเงินเดือนให้อัตโนมัติ ลดความยุ่งยาก และมีความแม่นยำสูง
ปัจจัยในการคิดเงินเดือน
รู้กฎหมายแรงงาน
สิ่งที่สำคัญมากก่อนการคิดเงินเดือน ไม่ใช่เพียงว่าบริษัทจะสามารถกำหนดค่าจ้างให้พนักงานเท่าใดก็ได้ แต่ HR มีความจำเป็นที่จะต้องรู้ถึงกฎหมายแรงงานขั้นพื้นฐาน เพราะเรื่องนี้จะไปเกี่ยวข้องกับค่าจ้างที่พนักงานจะได้ ชั่วโมงการทำงาน และการคำนวณเงินเดือนโดยตรง เช่น ค่าแรงขั้นต่ำที่มีการเปลี่ยนแปลงและมีการปรับเปลี่ยนไปตามแต่ละพื้นที่ ซึ่งคิดค่าแรงไม่เท่ากัน, การคิดเงินค่าล่วงเวลา หรือ โอที ตามกฎหมายแรงงาน, ชั่วโมงการทำงานของพนักงาน ที่ไม่ควรเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และหากเป็นงานเสี่ยงอันตราย จะลดลงเหลือ 7 ชั่วโมงต่อวัน และ 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือแม้กระทั่งการจ้างงานนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่กฎหมายระบุว่าต้องจ้างชั่วโมงละ 40 บาท และมีการกำหนดเวลาการทำงานวันละไม่เกิน 7 ชั่วโมง สัปดาห์ละไม่เกิน 36 ชั่วโมง
รู้รายได้ -รายหัก
รายได้ - รายหัก ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการคำนวณเงินเดือน ซึ่ง HR มีความจำเป็นที่จะต้องรู้รายได้ – รายหักของพนักงานแต่ละคนอย่างละเอียด ทั้งรายได้ที่เป็นค่าจ้าง เงินพิเศษ เบี้ยขยัน ค่าคอมมิชชั่น โบนัส สวัสดิการอื่น ๆ และรายหักที่มีทั้งภาษีหัก ณ ที่จ่าย ประกันสังคม ลดหย่อนต่าง ๆ หาก HR ไม่ทราบรายได้ - รายหัก อย่างละเอียดแล้ว ก็อาจจะเกิดความผิดพลาดในการคำนวณเงินเดือนได้ง่าย
รู้เรื่องชั่วโมงการทำงาน
บริษัทโดยส่วนมาก มักจะผูกการคิดเงินเดือนเข้ากับชั่วโมงการทำงาน ที่พนักงานต้องทำงานให้ครบตามชั่วโมงที่ตกลงกับนายจ้าง จึงจะได้รับเงินค่าจ้างตามที่กำหนด ซึ่งแต่ละบริษัทก็มักจะมีกฎเกณฑ์เรื่องชั่วโมงการทำงานที่ไม่เหมือนกัน บางบริษัทสามารถยืดหยุ่นให้พนักงานมาสายได้ แต่บางบริษัทจะหักเงินพนักงานตามนาทีที่เข้างานสาย รวมไปถึงการตอกบัตรเข้างาน ที่พนักงานต้องมีเวลาเข้า-ออก ครบ หากลืมตอกบัตรเข้าหรือตอกบัตรออก ก็จะทำให้ชั่วโมงการทำงานไม่ครบ และต้องทำเรื่องเพื่อขอลงเวลาเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องเหล่านี้คือสิ่งที่ HR ต้องรู้และต้องระวังไว้ด้วย
รู้ประเภทการจ้าง
ประเภทการจ้างนั้น จะมีความสัมพันธ์อย่างยิ่งต่อการคำนวณค่าจ้างของพนักงานที่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ้างงานพนักงานรายวัน ที่จะได้รับค่าคล่วงเวลาแตกต่างไปจากพนักงานรายเดือน หรือพนักงานรายชั่วโมง ที่บางบริษัทไม่จ่ายเงินให้ในช่วงเวลาพัก คิดตามเวลาที่ทำงานเท่านั้น ดังนั้น HR จึงจำเป็นที่จะต้องจำแนกและรู้ประเภทการจ้างให้ดี
สูตรคำนวณเงินเดือน แบบรายเดือน
การคิดเงินเดือนสำหรับพนักงานรายเดือน คือ รายได้ – รายหัก = เงินเดือนสุทธิ
ตัวอย่าง
นายกอไก่ ทำงานโดยตกลงรับค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท ในเดือนมกราคม นายกอไก่มาทำงานทุกวัน บริษัทมีค่าครองชีพให้ 400 บาท แต่นายกอไก่มาทำงานสายรวมทั้งหมด 20 นาที คิดเป็นเงิน 200 บาท และมีค่าประกันสังคม 750 บาท เงินเดือนที่นายกอไก่จะได้รับคือ
รายได้ – รายหัก = เงินเดือนสุทธิ
- หารายได้ = 15,000+400 = 15,400
- หารายหัก = 200+750 = 950
หาเงินเดือน = รายได้ – รายหัก = 15,400-950 = 14,450 บาท
สรุป ในเดือนมกราคม นายกอไก่จะได้รับเงินเดือน 14,450 บาท
สูตรคำนวณเงินเดือน พนักงานรายเดือน แต่หักเงินเป็นวัน
ในกรณีนี้ ใช้สำหรับบริษัทที่มีการหักเงินรายวันของพนักงาน ซึ่งตามกฎหมายแรงงานแล้ว ต้องใช้ 30 เป็นตัวหาร ไม่ว่าในเดือนนั้นจะมี 31 หรือ 28 วันก็ตาม และบริษัทจะต้องจ่ายเงินให้พนักงานในวันหยุด แม้ว่าพนักงานจะไม่ได้ทำงาน รวมไปถึงจ่ายเงินให้กับเวลาพักของพนักงานด้วย
ตัวอย่าง
นายกอไก่ ทำงานโดยตกลงรับค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท ในเดือนมกราคม นายกอไก่ขอลากิจแบบหักเงิน 1 วัน บริษัทมีค่าครองชีพให้ 400 บาท แต่นายกอไก่มาทำงานสายรวมทั้งหมด 20 นาที คิดเป็นเงิน 200 บาท และมีค่าประกันสังคม 750 บาท เงินเดือนที่นาย กอไก่จะได้รับคือ
- หาค่าแรงรายวันของนายกอไก่ = 15000 ÷ 30 = วันละ 500 บาท
- หารายได้ = 15,000+400 = 15,400
- หารายหัก = 500+200+750 = 1,450
- คำนวณเงินเดือนที่นาย กอไก่ จะได้รับ = รายได้ – รายหัก = 15,400-1,450 = 13,950
สรุป ในเดือนมกราคม นายกอไก่จะได้รับเงินเดือน 13,950 บาท
สูตรคำนวณเงินเดือน พนักงานรายเดือน แต่หักเงินรายชั่วโมง
ในกรณีนี้ ใช้สำหรับบริษัทที่มีการหักเงินเป็นรายชั่วโมงของพนักงาน โดยมีสูตรคำนวณหาเงินออกมาเป็นชั่วโมงคือ = เงินเดือน ÷ 30 (วัน) ÷ 8 (ชั่วโมงทำงานตามกฎหมาย)
ตัวอย่าง
นายกอไก่ ทำงานโดยตกลงรับค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท ในเดือนมกราคม นายกอไก่ขอลากิจแบบหักเงิน 2 ชั่วโมง บริษัทมีค่าครองชีพให้ 400 บาท แต่นายกอไก่มาทำงานสายรวมทั้งหมด 20 นาที คิดเป็นเงิน 200 บาท และมีค่าประกันสังคม 750 บาท เงินเดือนที่นาย กอไก่จะได้รับคือ
- หาค่าแรงรายชั่วโมงของนายกอไก่ = 15000 ÷ 30 ÷ 8= ชั่วโมงละ 62.5 บาท
- ในเดือนนั้น นายกอไก่จะโดนหักเงินจากการลากิจ 2 ชั่วโมง = 62.5x2 = 125 บาท
- หารายได้ = 15,000+400 = 15,400
- หารายหัก = 125+200+750 = 1,075
- คำนวณเงินเดือนที่นาย กอไก่ จะได้รับ = รายได้ – รายหัก = 15,400-1,075 = 14,325
สรุป ในเดือนมกราคม นายกอไก่จะได้รับเงินเดือน 14,325 บาท
สูตรคิดเงินเดือน สำหรับค่าจ้างรายวัน
วิธีการคิดเงินเดือนแบบพนักงานรายวันนั้น มีสูตรคิดพื้นฐานเหมือนกันกับแบบรายเดือน คือ รายได้ - รายหัก = ค่าจ้าง แต่การคิดเงินรายวันนั้น จะจ่ายเงินให้กับพนักงานเฉพาะวันที่มาทำงาน ไม่รวมกับวันหยุดสุดสัปดาห์ และ HR จะต้องทราบค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละพื้นที่การจ้างงานด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดตามประเพณี ลูกจ้างรายวันก็มีสิทธิ์ได้รับเงินค่าจ้างเช่นเดียวกันกับพนักงานรายเดือน
ตัวอย่าง
นายกอไก่ ทำงานใน จ. ชลบุรี มีค่าจ้างขั้นต่ำที่วันละ 400 บาท ในเดือนมกราคม นายกอไก่ต้องทำงานทั้งสิ้น 23 วัน แต่นายกอไก่ลางาน 1 วัน ทำให้นายกอไก่มาทำงานเพียง 22 วัน รายหักมีค่าประกันสังคม เงินที่นายกอไก่จะได้รับคือ
รายได้ – รายหัก = ค่าจ้าง
- หารายได้ของนายกอไก่ = 400x22 = 8,800
- หารายหักของนายกอไก่ 8,800x5% = 440 บาท
- เงินที่นาย กอไก่ จะได้รับคือ = 8,800 -440 = 8,360 บาท
สรุป ในเดือนนั้น นายกอไก่จะได้รับเงินเดือน 8,360 บาท
สูตรคำนวณเงินเดือน สำหรับค่าจ้างพาร์ทไทม์ หรือรายชั่วโมง
สูตรนี้เป็นการคิดเงินเดือนของพนักงานพาร์ทไทม์ ที่ส่วนมากมักจะคิดเงินค่าจ้างกันตามชั่วโมงที่ทำงานจริง ซึ่งมีทั้งบริษัทที่จะหักเงินตอนพัก และบริษัทที่ไม่หักเงินตอนไม่พัก ขึ้นอยู่กับการตกลงกันของนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งวิธีการคิดเงินนั้น คือ ค่าจ้างต่อชั่วโมง x ชั่วโมงการทำงาน = รายได้ของพนักงาน
ตัวอย่าง
นายกอไก่เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ ตกลงรับค่าจ้างที่ชั่วโมงละ 50 บาท นายกอไก่มาทำงานทุกวัน ทำงาน 8 ชั่วโมง พัก 1 ชั่วโมง โดยที่บริษัทไม่จ่ายเงินในช่วงเวลาพักให้ ในเดือนนั้นนายกอไก่มาทำงาน 22 วัน เงินที่นายกอไก่จะได้รับคือ
- หารายได้ของนายกอไก่ = 50x8 = วันละ 400 บาท
- นายกอไก่จะได้เงินเดือนทั้งเดือน = 400x22 = 8,800 บาท
แต่สมมุติว่า มีวันหนึ่งที่นายกอไก่มาทำงานสายไป 2 ชั่วโมง จะมีสูตรคิดคือ
- หารายได้ของนายกอไก่ = 50x8 = วันละ 400 บาท = 400x22 = 8,800 บาท
- คิดรายหักมาสาย = 50x2 = 100 บาท
- นายกอไก่จะได้เงินเดือนทั้งเดือน = 8,800-100 = 8,700 บาท
สูตรคำนวณเงินเดือน แบบโปรเรต หรือทำงานไม่เต็มเดือน
การคำนวณเงินเดือนแบบโปรเรต จะเป็นการคำนวณเงินเดือนตามสัดส่วนที่พนักงานทำงานจริง ซึ่งอาจจะใช้ได้กับกรณีที่พนักงานมาทำงานไม่เต็มเดือน พนักงานขาดงาน พนักงานเพิ่งเข้ามาใหม่กลางเดือน หรือพนักงานลาออกกลางเดือน โดยมีวิธีการคำนวณคือ (รายได้ ÷ 30 ) x จำนวนวันที่มาทำงาน
ตัวอย่าง
นายกอไก่ เริ่มงานที่บริษัทใหม่ในวันที่ 12 พฤษภาคม โดยรับเงินเดือนเดือนละ 15,000 บาท ในเดือนนั้น นายกอไก่ขาดงานไป 1 วัน นายกอไก่จะได้รับเงินคือ
- หาเงินเดือนต่อวัน= 15,000 ÷ 30 = วันละ 500 บาท
- หาว่าเดือนนั้นมีวันทำงานกี่วัน = 20 วัน แต่นายกอไก่ขาดงาน 1 วัน = 20-1 = 19 วัน
- เงินเดือนที่นายกอไก่จะได้รับคือ = 500x19 = 9,500 บาท
สูตรคำนวณค่าล่วงเวลา หรือโอที
ตามกฎหมายแล้ว พนักงานจะต้องทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน และรวมแล้วไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หากเกินไปกว่านั้นจะต้องถูกนำไปคิดเป็นเงินค่าล่วงเวลาหรือโอที ที่นายจ้างจะต้องจ่ายให้พนักงาน แต่การจะจ่ายค่าโอทีให้พนักงานเท่าใด จะต้องไปดูที่ 1. ช่วงเวลาที่พนักงานทำโอที 2. ประเภทการจ้างเป็นรายวันหรือรายเดือน
ดังนี้
- ค่าทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ พนักงานรายวัน จะได้รับเงินค่าจ้าง 2 เท่า พนักงานรายเดือน จะได้รับเงินค่าจ้าง 1 เท่า
- ค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณี พนักงานรายวัน จะได้รับเงินค่าจ้าง 1 เท่า พนักงานรายเดือน จะได้รับเงินค่าจ้าง 1 เท่า
- ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนประจำปี พนักงานรายวัน จะได้รับเงินค่าจ้าง 1 เท่า พนักงานรายเดือน จะได้รับเงินค่าจ้าง 1 เท่า
- ค่าล่วงเวลาในวันทำงานปกติ พนักงานรายวัน จะได้รับเงินโอที 1.5 เท่า และพนักงานรายเดือน จะได้รับเงินโอที 1.5 เท่า
- ค่าล่วงเวลา ในวันหยุดสุดสัปดาห์ วันหยุดพักผ่อนประจำปี วันหยุดตามประเพณี พนักงานรายวัน จะได้รับเงินโอที 3 เท่า พนักงานเดือน จะได้รับเงินโอที 3 เท่า
สูตรในการคิดโอทีมีทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน คือ
- สูตรในการคิดโอทีสำหรับพนักงานรายเดือน คือ (เงินเดือน ÷ 30 ÷ 8 = รายได้รายชั่วโมง) x เท่าของเงินที่ได้รับ x ชั่วโมงที่ทำงาน
- สูตรในการคิดโอทีสำหรับพนักงานรายวัน คือ (ค่าจ้างต่อวัน ÷ 8) x เท่าของเงินที่ได้รับ x ชั่วโมงที่ทำงาน
- สูตรในการคิดค่าทำงานสำหรับพนักงานรายเดือน คือ (เงินเดือน ÷ 30 ÷ 8 = รายได้รายชั่วโมง) x เท่าของเงินที่ได้รับ x ชั่วโมงที่ทำงาน
- สูตรในการคิดค่าทำงานสำหรับพนักงานรายวัน คือ (ค่าจ้างต่อวัน ÷ 8) x เท่าของเงินที่ได้รับ x ชั่วโมงที่ทำงาน
ตัวอย่าง
นายกอไก่ เป็นพนักงานรายเดือน ทำงานรับเงินเดือนเดือนละ 15,000 บาท เดือนนั้นนายกอไก่ทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติทั้งหมด 5 ชั่วโมง มีเงินค่าประกันสังคม 750 บาท เงินที่นายกอไก่จะได้รับคือ
- นายกอไก่ ในฐานะพนักงานประจำ เมื่อทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติ จะได้รับเงินค่าล่วงเวลา 1.5 เท่า
- หาเงินเดือนต่อวัน = 15000 ÷ 30 ÷ 8 = 62.5 บาท
- หาเงินค่าโอทีของนายกอไก่ = 62.5x1.5 (เท่า) x5 (ชั่วโมง) = 468.75 บาท
- หาเงินที่จะได้รับของนายกอไก่ = (15,000+468.75)-(750) = 15,468.75 – 750 = 14,718.75
สรุป นายกอไก่จะได้เงินเดือนเดือนนั้น 14,718.75 บาท
ตัวอย่าง
นายขอไข่ เป็นพนักงานรายวัน รับค่าแรงรายวันที่วันละ 500 บาท ในเดือนนั้นนายขอไข่ต้องทำงานทั้งหมด 20 วัน ทางบริษัทกำหนดให้วันมาฆบูชาเป็นวันหยุด ทว่านายขอไข่กลับต้องมาทำงานในวันนั้น 8 ชั่วโมง และต้องทำงานล่วงเวลาเพิ่มอีก 4 ชั่วโมง เงินที่นายขอไข่จะได้รับคือ
- นายขอไข่เป็นพนักงานรายวัน หากทำงานในวันหยุดตามประเพณี จะได้รับเงิน 1 เท่า และทำงานล่วงเวลาในวันหยุดตามประเพณี จะได้รับเงิน 3 เท่า
- หาเงินค่าทำงานของนายขอไข่ เป็นรายชั่วโมง = 500 / 8 = 62.5
- หาเงินค่าทำงานในวันหยุดมาฆบูชา = (500/8)x1 (เท่า) x8 (ชั่วโมง) = 500 บาท
- หาเงินค่าโอทีในวันหยุดมาฆบูชา = (500/8)x3 (เท่า) x4 (ชั่วโมง) = 750 บาท
- สรุปวันมาฆบชา นายขอไข่จะได้รับเงินทั้งสิ้น 750+500 = 1,250 บาท
- เงินที่นายขอไข่จะได้รับทั้งเดือนนั้น = (500x20)+1,250 = 11,250 บาท
ตัวอย่าง
นายจอจาน เป็นพนักงานรายวัน รับค่าแรงรายวันที่วันละ 500 บาท ในเดือนนั้นนายจอจานต้องทำงานทั้งหมด 22 วัน แต่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ นายจอจานต้องมาทำงานทั้งวัน 8 ชั่วโมง และต้องทำงานล่วงเวลาเพิ่มอีก 4 ชั่วโมง เงินที่นายจอจานจะได้รับคือ
- นายจอจานเป็นพนักงานรายวัน หากทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์ จะได้รับเงิน 2 เท่า และทำงานล่วงเวลาในวันหยุดประจำสัปดาห์ จะได้รับเงิน 3 เท่า
- หาเงินค่าทำงานของนายจอจาน เป็นรายชั่วโมง = 500 / 8 = 62.5
- หาเงินค่าทำงานในวันประจำสัปดาห์= (500/8)x2 (เท่า)x8 (ชั่วโมง) = 1,000 บาท
- หาเงินค่าโอทีในวันประจำสัปดาห์= (500/8)x3x4 = 750 บาท
- สรุปวันหยุดนั้น นายจอจานจะได้รับเงินทั้งสิ้น 1,000+750 = 1,750 บาท
- เงินที่นายจอจานจะได้รับทั้งเดือนนั้น = (500x22)+1,750 = 12,750 บาท
ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ HR และการพัฒนาองค์กรได้ที่
Blog: www.empeo.com/blog
Facebook: www.facebook.com/myempeo
Youtube: www.youtube.com/empeo