ฤดูกาลของการ Work from home ก็กลับมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริษัทอีกครั้ง หลังจากการระบาดของ Covid รอบใหม่ แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงการทำงานจากที่บ้านแล้ว หัวหน้างานหลายๆท่านมักจะมีความคิดว่าการทำงานนอกออฟฟิศนั้น พนักงานคงไม่สามารถทุ่มเทให้กับงานได้มากเท่ากับการเข้าออฟฟิศ ซึ่งอันที่จริงแล้วแนวความคิดนี้อาจจะทำให้องค์กรต้องพลาดโอกาสในการหาพนักงานที่มีคุณภาพเข้ามาร่วมงาน หรือแม้กระทั่งเก็บคนที่เก่งไว้กับบริษัทในภาวะเช่นนี้
วันนี้ empeo เราก็จะมาสรุปข้อความรู้สำหรับการบริหารพนักงาน Work from home และสรุปบางส่วนจากบทความ TSheets by Quickbooks ซอฟต์แวร์ที่ใช้ track เวลาทำงาน เพื่อที่ผู้อ่านทุกท่านจะได้เข้าใจถึงพฤติกรรมต่างๆของการทำงานจากที่บ้านมากยิ่งขึ้น หากพร้อมแล้วมาดูกันเลยดีกว่าครับ
Working from home อาจหมายถึงการพาหมาไปเดินเล่น
จากผลสำรวจของ TSheets ซึ่งสอบถามพนักงานที่ทำงานที่บ้านตามตรงเกี่ยวกับพฤติกรรมกการทำงานที่บ้าน ว่าแต่ละคนมีการทำธุระส่วนตัวอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับงานบ้างรึเปล่าในขณะที่ work from home และผลก็ออกมาเป็นเช่นนี้
- 23% เท่านั้นที่ไม่เคยเอาเวลาไปใช้กับเรื่องส่วนตัว
- 64% มีบ้างที่ใช้เวลางานไปทำเรื่องอื่น
- และราว 13% ที่เหลือที่จะมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องทำให้จบแม้จะอยู่ในเวลางานก็ตาม
จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และหัวหน้างานเองจากผลสำรวจก็พบว่าพวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่าพนักงานจะต้องเอาเวลาไปใช้กับเรื่องส่วนตัวอย่างแน่นอน ราวๆ 1 ใน 3 คิดว่าพนักงานน่าจะเสียเวลาไปมากถึง 2 ชั่วโมงด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าเวลาหายไปราวๆ 1 ใน 4 ของเวลาทั้งหมดเลยทีเดียว
ประสิทธิภาพพนักงานทำได้ดีขึ้น
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าพอพนักงานทำงานที่บ้านแล้วเค้าจะแบ่งเวลาไปใช้กับอะไรบ้าง และใช้เวลาเท่าไร แม้ว่าจะมีเรื่องธุระส่วนตัวดังที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้แต่ผลสำรวจกลับพบว่า พนักงานมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นเมื่อทำงานจากที่อื่น ราว 60% ของนายจ้างพบว่าประสิทธิภาพของพนักงาน work from home นั้นดีกว่าค่าเฉลี่ย และราว 36% มองว่าก็ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่แม้ว่านายจ้างจะรู้สึกเช่นนั้นแต่ก็ยังคงต้องการให้พนักงานทำได้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
และสิ่งที่น่าสนใจอีกส่วนนึงก็คือเมือ่พนักงานถูกถามเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อใจที่ทางนายจ้างมีให้กับพวกเมื่อต้องทำงานนอกสถานที่ เกือบๆ 3 ใน 4 ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่านายจ้างให้ความไว้วางใจในตัวพวกเขา ในขณะที่ฝั่งนายจ้างเองนั้นให้คะแนนตรงนี้ถึง 99% เลยทีเดียว
บางครั้งการทำงานที่บ้านก็เป็นการได้พักสมองไปในตัว
เมื่อมีการทำงานเป็นเวลานานๆความเครียด ความอ่อนล้าต่างๆจะถูกสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ที่แน่ๆคุณรู้อย่างแน่นอนว่าคนที่ทำงานที่บ้านนั้นก็ต้องมีเวลาในการพักเบรกแบบทำงานในออฟฟิศเช่นเดียวกัน สิ่งทึ่คุณทำได้เพิ่มเติมคือการสนับสนุนให้พนักงานได้พักเบรกในรูปแบบอื่นๆที่ปกติทำไม่ได้ในที่ทำงานบ้าง การออกไปเดินผ่อนคลายในสวนสัก 15-30 นาที จะช่วยให้สมองได้รับการผ่อนคลาย และรู้สึกสดชื่นมากกว่าปกติ ข้อที่ต้องระวังก็คือพนักงานอาจจะใช้เวลาในช่วงพักไปกับกิจกรรมที่ทำให้อ่อนล้ามากกว่าเดิม เช่น กิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิมาก ซึ่งจะต้องใช้พลังงานมากและสมองจะไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่
ลองเพิ่มความยืดหยุ่นให้มากกว่าเดิม
ผู้อ่านๆหลายท่านเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้คงคิดอยู่เป็นแน่ว่า เรากำลังพูดเรื่องเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานจากที่บ้านอยู่นะ ที่ต้องพยายามหาวิธีต่างๆก็เพราะว่าการทำงานที่บ้านมันยืดหยุ่นจนทำให้รู้สึกว่าพนักงานจะทำงานไม่ได้ตามที่ต้องการไม่ใช่เหรอ แต่จากข้อมูลที่เราได้นำเสนอไปแล้วในช่วงต้นว่าพนักงานสามารถทำงาไนด้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นหมายความว่าหากเราเพิ่มความยืดหยุ่นเช่น เวลาเข้าออกงานที่อะลุ่มอล่วยได้มากขึ้น พนักงานก็จะสามารถทำงานในช่วงที่เค้ารู้สึกกระปี้กระเปร่าที่สุดของวันได้อย่างเต็มที่ ตราบใดที่พนักงานไม่ได้จ้องจะทำงานให้ต่ำกว่ามาตรฐานเพราะคิดว่าเป็นการ work from home การที่เราเพิ่มตัวเลือกบางอย่างให้พนักงานจะเป็นทางออกที่ดีอีกอันนึงแน่นอน
อย่าลืมที่จะพูดคุยและสื่อสารกันให้ชัดเจน
อีกจุดหนึ่งที่เรามักละเลยกันเมือ่เป็นรุปแบบการทำงานแบบ work from home ก็คือการมีเป้าหมายและมาตรวัดที่ชัดเจน คุณต้องทำให้แน่ใจว่าพนักงานที่ทำงานจากที่บ้านเค้าจะรู้ว่าผลงานเค้าจะถูกประเมินจากสิ่งใดบ้าง และเมื่อพนักงานเหล่านั้นรู้ว่ามาตรวัดคืออะไรก็จะเป็นการง่ายมากกว่าที่จะทำให้ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และปัจจุบันเทคโนโลยีเองก็มามีบทบาทมากขึ้นในการพูดคุยกัน video call ก็จะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกันในทีมได้ตลอดเวลา และเมื่อมีพนักงานที่ทำได้เกินเป้ามากๆการแชร์ความสำเร็จ ทิปต่างๆในทีมก็จะยิ่งช่วยให้ทีมของคุณประสบความสำเร็จในการ work from home นั่นเอง
สรุปส่งท้าย
ถ้าคุณอยากจะให้พนักงาน work from home ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วล่ะก็นอกจากสิ่งที่เราเล่าให้ฟังในบทความนี้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือความเชื่อใจที่คุณต้องมีให้กับพนักงานของคุณว่าเค้าจะทำเพื่อองค์กร และเมื่อพนักงานสามารถทำงานต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยม ก็อย่าลืมที่จะบอกให้พวกเค้าทราบโดยตรงด้วยนะครับ และเพียงเท่านี้องค์กรของคุณก็พร้อมที่จะทำงานแบบ work from home ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว